จิตวิทยาว่าด้วยเรื่อง อารมณ์ลวง กับ ตัวอย่างการใช้งานในเกม by

1
Jun
2

สวัสดีอีกครั้งนะครับ ‘ w’/
เนื้อหาต่อไปนี้จะพูดถึง จิตวิทยาว่าด้วยเรื่อง “อารมณ์ลวง” กับตัวอย่างที่มีการใช้งานในเกมนะครับ
หมายเหตุ : การใช้งานอารมณ์ลวงในเกมนั้นมีการใช้งานอยู่ทั่วไป ในบทความนี้จะเพียงแค่อธิบายสาเหตุว่ามันทำงานได้อย่างไรเท่านั้นครับ

ก่อนอื่นผมขอบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าเนื้อหาในนี้ ผมอ่านมาจากหนังสือ “500 ล้านปีของความรัก” เล่ม 1 นะครับ

ขอขอบคุณภาพจาก manager.co.th ครับ


     ก่อนอื่น เรามาคุยกันก่อนดีกว่าครับ อารมณ์ลวงมันคืออะไรกัน?

     เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ไหมครับ? ในกรณีที่คุณผู้ชายหลายๆท่าน ทำให้แฟนของคุณไม่พอใจ ด้วเรื่องเล็กๆน้อย แฟนคุณเริ่มบ่น คุณเริ่มแก้ตัว เถียงแบบข้างๆคูๆ ทำให้แฟนของคุณอารมณ์เสียหนักกว่าเก่า จากนั้น ทั้ง 2 ก็เริ่มโต้เถียงกันอย่างรุนแรง… บลา บลา บลา
หลังจากการโต้เถียงเริ่มรุนแรง  จนถึงจุดที่ทั้ง 2 คนไม่มีอะไรจะพูดอีกต่อไป คุณเริ่มอารมณ์เย็นลง คุณเดินไปขอโทษแฟนคุณ ต่างฝ่ายต่างขอโทษซึ่งกันและกัน  ทุกอย่างดูคลี่คลายด้วยดี… แต่ทันทีที่คุณหันหน้ากลับมาเล่นคอมอย่างสบายใจ
แต่ เพียงครู่เดียว….  คุณก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป   แฟนคุณตาแดงระเรื่อ ยืนเม้มปากแน่น และก็ได้กล่าวขึ้นว่า “ตัวเองไม่เคยสนใจเค้าเลย เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่สำคัญเลยใช่มั้ย เค้าไม่มีค่าอะไรกับตัวเองเลยใช่มั้ย ครั้งที่แล้วก็อย่างนี้…  บลา บลา บลา” หลังจากนั้น ความผิดเก่าๆคุณเคยทำไว้ (หรือไม่แน่ใจว่าเคยรึเปล่า) ก็เดินพาเหรดออกมา จากนั้นแฟนคุณก็เริ่มร้องไห้…

    น่าสงสัยไหมครับ..? มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทั้งๆที่เรื่องดูเหมือนจะจบไปแล้ว แต่ผู้หญิงมีแนวโน้มจะงอนต่ออีกระยะนึง และมักจะขุดเรื่องเก่าๆขึ้นมชวนทะเลาะต่อ… มันเกิดอะไรขึ้น?

     เนื้อหาเกี่ยวกับอารมณ์ ค่อนข้างจะเยอะนิดหน่อย ผมเลยจะขอสรุปสั้นๆให้ทราบไว้นะครับว่า  ”อารมณ์” ของคนเรานั้นจริงๆแล้ว มันมีความเกีย่วข้องกับ การทำงานของร่างกายครับ ส่วนหนึ่งเป็นการทำงานเกี่ยวกับพวกฮอร์โมนและสารเคมีในสมอง (ใครสนใจเนื้อหา หรืออยากอ่านเกี่ยวกับการทดลองเพิ่มเติม แนะนำให้อ่านได้ในหนังสือ “500ล้านปี ของความรัก” นะครับ)

     ก่อนที่จะไปตอบคำถามด้านบนว่า มันเกิดอะไรขึ้น ก่อนถึง เรามารู้จักของที่มีลักษณะคล้ายอารมณ์ลวงกันก่อนครับ สิ่งที่มีลักษณะคล้ายอารมณ์ลวง มันก็คือ “ภาพลวงตา” ครับ!

    ภาพลวงตา หลายๆคนน่าจะเคยเห็นกันมาก่อนแล้ว แต่สำหรับท่านที่ยังไม่เคยเห็น ผมจะขอแปะภาพไว้ด้านล่างให้ลองดูนะครับ

ขอขอบคุณภาพจาก www.winkgang.com นะครับ

เห็นเหมือนภาพพริ้วๆไหมครับ : ) หรือยกตัวอย่างภาพถัดไปนะครับ

ขอขอบคุณภาพจาก www.giveacool.com นะครับ

เห็นเหมือนรถคันบนสุดดูใหญ่กว่า 2 คันล่างใช่มั้ยครับ งั้นมาดูภาพด้านล่างนี้นะครับ

ขอขอบคุณภาพจาก www.giveacool.com นะครับ

มันเกิดขึ้นได้ยังไง? แน่นอนครับว่า ภาพที่เราเห็น หรือเสียงที่เราได้ยินมันไม่ได้ผิดเพี้ยนไป  และ ภาพที่เห็นไม่ได้เคลื่อนไหว แต่ทำไมเรารู้สึกแบบนั้น? ทำไมเรารู้สึกว่าเราขนาดไม่เท่ากัน ทำไมเรารู้สึก ภาพเคลื่อนไหว…? มันเกิดจาก ความผิดพลาดของการทำงานของสมองครับ

ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่า สมองของคนเรา ที่ได้วิวัฒนาการมาเป็นเวลาหลายล้านปีนี้ สมองได้สร้าง ความสามารถสมบัติการกะระยะใกล้ไกลของวัตถุ และ ความสามารถในการ ประเมินแสงเงาของวัตถุ เพื่อให้เห็นภาพเป็น สามมิติ  ครับ

บางคนอาจจะสงสัย แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่เราเห็นภาพลวงตาล่ะ? ผมจะขออธิบายไปทีละภาพนะครับ เมื่อเราเห็นภาพรถ ความสามารถในการกะระยะวัตถุ ในสมองของเราจะทำงานครับ ซึ่งมันก็จะทำให้เมื่อเราเปรียบเทียบขนาดรถกับวัตถุรอบข้าง เราจะรู้สึกว่ารถคันนั้นอยู่ไกลกว่าคันอื่น เมื่อความสามารถในการกะระยะทำงาน มันจึงทำให้เรารู้สึกว่า รถคันที่อยู่ไกลมีขนาดใหญ่กว่าคันใกล้ครับ ส่วนในอีกภาพนึง เกิดจากการทำงานผิดพลาดของความสามารถในการประเมินแสงเงาเพื่อมองภาพให้เป็น สามมิติครับ โดย ภาพในแต่ละแถว มีทิศทางแสงเงาไม่ตรงกันครับ ทำให้สมองของคนเราเกิดอาการสับสนในการมองภาพเป็นสามมิติครับ

ถามว่า ภาพเหล่านี้ มันสามารถลวงสมองของคนเราได้อย่างไร ? มันเกิดขึ้นเพราะว่า สมองของคนเราที่พัฒนามาเป็นเวลาหลายล้านปีนั้น เนื่องจากในธรรมชาติแล้ว ปกติจะไม่มีภาพลวงตาครับ สมองเราจึงไม่ได้วิวัฒนาการมาให้สามารถประมวลผลภาพลวงตาได้ครับ
(ภาพลวงตา ผมว่าน่าจะมาเริ่มมีในยุคที่เราสามารถเริ่มขีดเขียนได้ ซึ่งก็จะอยู่ที่ไม่เกิน 1 แสนปี จากเวลาที่สมองวิวัฒนาการมาเป็นเวลาหลายล้านปี จะเห็นว่า 1 แสนปีเป็นเวลาเพียงน้อยนิดเท่านั้น)

เนื่องจากเนื้อหาอธิบายเกี่ยวกับการวิวัฒนาการค่อนข้างเยอะ ผมจึงจะขอสรุปสั้นๆนะครับ ว่าโครงสร้างทางร่างกายที่แตกต่างกันของผู้ชายและ ผู้หญิง ซึ่งมีผลมาจากการวิวัฒนาการที่แตกต่างกัน

ในการวิวัฒนาการด้านอารมณ์ของผู้ชาย ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงอารมณ์ได้เร็วกว่า ผู้หญิง เนื่องจากในอดีต (ยุคหิน) ผู้ชายที่ต้องออกไปล่าสัตว์ จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนอารมณ์ ให้รวดเร็ว เพื่อปรับตัวให้ทันกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผู้หญิงนั้น เมื่อเกิดสิ่งผิดปกติขึ้น จะต้องหวาดระแวงอยู่เสมอ (เพื่อความปลอดภัยในการดูแลลูก) ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ช้ากว่าผู้ชาย

จากเนื้อหาทั้งหมดที่ผมสรุปมา จะตอบคำถามแรกได้ครับ ว่า เกิดอะไรขึ้นกับแฟนของเรา? สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อคุณทั้ง 2 ทะเลาะกันแล้ว ในขณะที่คุณผู้ชาย สามารถ เปลี่ยนอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว คุณเริ่มอารมณ์เย็นลง ในขณะที่ แฟนสาวของคุณ ยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอารมณ์ สมองของแฟนสาวจึงทำงานว่า “ฉันมีอารมณ์โกรธอยู่” สมองจะเริ่มประมวลผลข้อมูลจากภายนอกคือ “สถานการณ์คลี่คลายไปแล้ว เขาขอโทษแล้ว แต่ทำไมฉันยังโกรธอยู่ล่ะ?” สมองก็จะประมวลผลออกมาได้ว่า “เขาทำให้ฉันโกรธ แล้วเขายังไปเล่นคอมได้อย่างสบายใจ ฉันต้องโกรธเพราะเขาไม่ใส่ใจแน่ๆเลย!” นอกจากนี้ สมองยังจะนำความจำเก่าๆมาเพื่ออธิบาย เหตุผลที่ว่า “ทำไมฉันยังโกรธอยู่”! นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ และสิ่งที่ว่ามานี้ก็คือ “อารมณ์ลวงครับ”

สรุปอีกทีนึงนะครับ อารมณ์ลวงนั้น เกิดจากการที่ อารมณ์ของคนเรายังตกค้างอยู่ และเราไม่เข้าใจว่าเป็นอารมณ์ตกค้างจากเหตุการณ์อื่น ทำให้สมองของเรานำสภาพแวดล้อมต่างๆ มาใช้ในการประมวลผล จนออกมาเป็นอารมณ์ลวงครับ

ตัวอย่างอารมณ์ลวงที่ทุกคนน่าจะเคยได้ยินมาก่อน รูู้จักปรากฏการณ์ สะพานแขวนไหมครับ? ที่เมื่อคนเราอยู่ในเหตุการณ์คับขัน เรามีโอกาศจะตกหลุมรักเพศตรงข้ามได้มากกว่าปกติ? เหตุการณ์นี้คืออารมณ์ลวง ที่เกิดขึ้น เมื่อเราดินบนสะพานแขวน เราตื่นเต้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น (อาการคล้ายๆคนที่กำลังมีความรัก) เมื่อเราลงมาจากสะพานแขวน แต่ว่า อาการที่ เราตื่นเต้นนั้นยังไม่หายไป เมื่อเราไปพบเพศตรงข้าม สมองของเราก็จะทำการประมวลผล “ทำไมหัวใจเราเต้นเร็วล่ะ? ทำไมเราตื่นเต้นล่ะ หรือเราตื่นเต้นเพราะพบคนๆนี้ เราต้องชอบคนๆนี้แน่ๆเลย” ที่กล่าวมานี้คืออีกตัวอย่างของอารมณ์ลวงครับ

การทดลองเกี่ยวกับอารมณ์ลวงนี้ ยังมีการทดลองสนุกๆให้อ่านอีกเยอะครับ ขอแนะนำให้ติดตามอ่านในหนังสือ “500 ล้านปีของความรัก” นะครับ

ถามว่า ตัวอย่างอารมณ์ลวงที่มีให้เห็นในเกมมาจากไหน? ตัวอย่างที่เราสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนที่สุดก็คือ เพลงประกอบเกมครับ คือเมื่อเราฟังเพลง เรามีอาการตื่นเต้น หรือ เศร้าตามทำนองเพลง เมื่อเราเล่นเกม สมองเราก็จะตีความไปด้วย ว่าเนื้อหาในเกมนั้น มีความน่าตื่นเต้น หรือ ความเศร้ามากกว่าปกติครับ ‘ w’)

หากเราควบคุมการใช้อารมณ์ลวงได้ เราก็จะสามารถสร้างเหตุการณ์แปลกๆได้ในระดับหนึ่ง เช่น ให้ผู้เล่นเห็นอะไรที่ปกติๆไม่ได้น่ากลัว แต่กลับรู้สึกว่ามันน่ากลัวครับ

ขอขอบคุณภาพจาก www.scaryforkids.com ครับ

สุดท้ายนี้ เนื้อหาที่ผมนำมาเล่านี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในหนังสือเท่านั้นครับ สำหรับทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดว่าน่าสนใจ ขอแนะนำให้อ่านหนังสือ “500 ล้านปีขของความรักนะครับ” ออกมาแล้ว 2 เล่มครับ

ขอขอบคุณภาพจาก http://www.manager.co.th/ ครับ

 

ขอขอบคุณภาพจาก http://teen.mthai.com/ ครับ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบนะครับ

Enjoy this article?

Consider subscribing to our RSS feed!

2 ความเห็น

  1. soonthornpen
    11:53 on June 1st, 2014

    น่าสนุกดีครับ น่าจะปรับใช้งานกับงานได้ดีเลย
    เดี๋ยวจะไปหามาอ่านนะครับ ขอบคุณครับ

  2. SBOBET
    16:09 on April 21st, 2015

    ดีเลยครับ ผมนี่ได้ความรู้อะไรแปลกๆเพิ่มขึ้นเยอะเลย

ใส่ความเห็น

RSS feed for comments on this post

 เราชนะรอบ 4 | ยืมเงิน 3000 ด่วน | แอพกู้เงิน | แอพเงินด่วน | สินเชื่อออนไลน์อนุมัติทันที | Site Map | กู้เงินก้อน | กระเป๋าตัง | thisshop และ ยืมเงินฉุกเฉิน 5000 ด่วน