MongoDB Cheat list และขั้นตอนการทำ Replication by

28
Feb
0

สรุปคำสั่ง mongoDB ที่ใช้บ่อยๆ

  • use db1 – ใช้งาน database db1 หรือสร้าง database ใหม่
  • show dbs – แสดงรายชื่อ database ทั้งหมด
  • db.getCollectionNames() – แสดง collection (ตาราง) ทั้งหมด
  • db.createCollection(“users”) – สร้าง collection ชื่อ users
  • db.users.drop() – ลบ collection users
  • db.createCollection(“new”, {capped:true, size:1073741824}); – สร้าง capped collection ขนาด 1073741824 bytes
  • db.logMoney.find({time:{$gte: new Date(2013,2,5)}}); – query date มากกว่าเท่ากับวันที่ๆ กำหนด
  • db.logMoney.ensureIndex({‘time’:1},{background:true}) – new index field time โดย background ไว้สั่งให้ทำโดยไม่ lock collection
  • db.logMoney.getIndexes()  - ดู Index ทั้งหมดขณะนั้น
  • db.logMoney.find({time:{$gt:new Date()}}) – query ระบุเวลา สามารถใช้ร่วมกับ mongodump ได้
  • db.logMoney.aggregate({$match:{time:{$gt:new Date(2013,1,1)},chng:{$lt:0}}},{$group:{_id:{usrId:1, }, count:{$sum:1}, sumAll:{$sum:”$chng”}}}) – ตัวอย่างการใช้งาน query ลักษณะเดียวกับ GROUP BY ใน MySQL
    (SELECT *, COUNT(*) as count,  SUM(chng) as sumAll FROM logMoney WHERE time > “2013-01-01″ AND chng < 0  GROUP BY usrId)

วิธีทำ Replication

ก่อนอื่น MongoDB แนะนำว่าควรมีเครื่องในวงอย่างน้อย 3 เครื่องครับ (แต่เราอาจจะใช้ 2 เครื่อง แล้วใช้อีกเครื่องเป็น Arbiter หรือตัวหลอกแทนได้) ขั้นตอนมีดังนี้

  1. Edit /etc/mongodb.conf ด้วยโปรแกรมที่ถนัด
  2. กำหนด replSet = <ชื่อกลุ่มที่ต้องการ> ในที่นี้ผมตั้งว่า rs0
  3. restart mongodb
  4. ทำข้อ 1-3 ใหม่กับเครื่องที่จะเป็น Slave ทุกเครื่อง
  5. เข้าเครื่องที่จะให้เป็น Master (สมมติว่า ip ภายในของเครื่อง master คือ 10.0.0.1) แล้วพิมพ์ mongo 10.0.0.1 (สำคัญมาก ห้ามลืมพิมพ์ ip หรือพิมพ์ผิดเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะใช้ไม่ได้)
  6. ถ้าหน้าจอปรากฏดังนี้แสดงว่าทำได้ถูกต้อง

    mongo 10.0.0.1
    MongoDB shell version: 2.2.2
    connecting to: 10.0.0.1/test
    rs0:PRIMARY>
  7. สั่ง rs.initiate()
  8. สั่ง rs.add(“10.0.0.2″) (สมมติเครื่อง slave ip 10.0.0.2) และเครื่อง slave เครื่องอื่นๆ
  9. เสร็จ!

สรุปคำสั่ง replication ที่ใช้บ่อย

  • rs.initiate() – เริ่ม replica set
  • rs.status() – status replica set
  • rs.add(“ip”) – เพิ่ม secondary node
  • rs.addArb(“ip”) – เพิ่ม secondary node แบบตัวหลอกเพื่อโหวตตอน fail-over เท่านั้น ไม่มีข้อมูลจริง
  • rs.stepDown() – ถอนตัวจากการเป็น master
  • db.printReplicationInfo() – เช็คว่า oplog มีอายุกี่วัน

วิธี Backup MongoDB

เทียบเท่า mysqldump นั่นเอง ตัวอย่างนั้นใช้ dump เฉพาะตารางที่กำหนด และ query ในช่วงเวลาที่กำหนด ดังนี้

mongodump –host –port –db <ชื่อ database> –collection <ชื่อ collection> -q ‘{“time”:{“$gte”:{“$date”:1360627200000}}}’

วิธี Restore MongoDB

mongorestore

ขอให้สนุกกับ MongoDB :D

Facebook Query Language (FQL) by

31
May
0

Facebook Query Language หรือ FQL เป็นภาษา query ที่ใช้ในการคัดกรองข้อมูลหรือดึงข้อมูลที่เราต้องการจาก Facebook โดยตรง ซึ่งการเขียนจะมีลักษณะคล้ายกับภาษา SQL นั่นคือมีรูปแบบเป็น

SELECT (field) FROM (table) WHERE (condition)

และเราสามารถใช้ operator AND, OR, NOT ได้อีกด้วย แต่สิ่งที่ FQL แตกต่างจาก SQL ก็คือ FQL จะไม่อนุญาตให้เราทำการ join table กันได้ ซึ่งถ้าเราต้องการจะใช้ข้อมูลที่มากกว่า 1 ตาราง เราจะใช้ IN เพื่อทำการเชื่อมข้อมูลระหว่างตาราง และ ระหว่าง 2 ตารางที่จะเชื่อมข้อมูลกัน จะต้องมี field ที่เก็บข้อมูลเหมือนกันอยู่ ซึ่งจะเรียก field นี้ว่าเป็น indexable

หลายคนที่อาจจะใช้ Graph API อาจจะสงสัยว่าในเมื่อเรามี Graph API อยู่แล้ว ซึ่งก็สามารถใช้ในการดึงข้อมูลมาใช้ได้เหมือนกัน แล้วทำไมต้องใช้ FQL อีก นั้นก็เป็นเพราะว่า Graph API ไม่สามารถที่จะดึงข้อมูลเป็นชุดๆได้ เช่นหากเราต้องข้อมูลเป็น username, user_id, gender และ birthday ของเพื่อน ถ้าเราใช้ Graph API เราจำเป็นต้องได้รายชื่อเพื่อนทั้งหมดของเรามาก่อน หลังจากนั้นก็จะได้ user_id กับ username มา แล้วจึงใช้ข้อมูลที่ได้มาไปหาข้อมูล gender และ birthday ของเพื่อนอีกที ซึ่งจะเห็นว่าต้องทำหลายขั้นตอนมาก แต่ถ้าเราใช้ FQL สามารถทำได้โดยเขียนภาษา query ตามนี้

SELECT username, uid, sex, birthday FROM user WHERE uid IN (SELECT uid2 FROM friend WHERE uid1 = me())

มาถึงตรงจุดนี้ อาจมีหลายคนสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าฐานข้อมูลมีตารางอะไรบ้าง และแต่ละตารางมี field อะไรให้ใช้บ้าง เราสามารถเข้าไปดูได้อ่าน Document และ Reference ได้ที่ https://developers.facebook.com/docs/reference/fql/ ซึ่งลิ้งค์นี้จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับตารางและ field เอาไว้ชัดเจน ว่าทาง facebook อนุญาตให้เราสามารถใช้ข้อมูลส่วนไหนได้บ้าง และทาง Facebook ยังมี tool ที่เอาไว้ให้เราใช้ทดสอบ query ที่เราเขียนขึ้นมาได้อีกด้วย ผ่านทาง Graph API Explorer https://developers.facebook.com/tools/explorer?method=GET&path=100001055377057 ซึ่งเมื่อกดลิ้งค์เข้ามาแล้วจะเจอเพจหน้าตาแบบนี้ครับ

fql_tutorial2

หลังจากนั้นตรงที่เป็นลิ้งค์ https://graph.facebook.com/ ให้พิมพ์เพิ่มหลังเครื่องหมาย “/” ไปว่า “fql?q=” แล้วตามด้วย query ที่เราเขียนขึ้นมา
แล้วกด submit เราก็จะได้ผลลัพธ์จากการ query แสดงผลที่ด้านล่างนั้นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราจะดึงข้อมูลต่างๆจากตารางมาได้ เราจำเป็นต้องทำการขอ Permissions ต่างๆด้วย ซึ่งข้อมูลในแต่ละ Field จะมีการระบุเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีการใช้ Permissions ใดบ้าง ดังนั้น ถ้าคิดว่าเขียน query ได้ถูกต้องแน่นอนแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์ไม่ขึ้น ให้ลองตรวจสอบดูดีๆนะครับ ว่าได้ทำการขอ permissions ไปหรือเปล่า

หมดเพียงเท่านี้แล้วครับ เรื่องของ Facebook Query Language สำหรับคนที่เคยเขียน SQL มาแล้ว น่าจะฝึกฝนได้ไม่ยากนะครับ ส่วนคนที่ไม่เคยเขียน SQL มาก่อนก็ไม่ต้องน้อยใจไปครับ ของแบบนี้ต้องค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็เขียนได้ครับ ^^

Update ค่าหลายๆแถว ที่มีค่าต่างๆกัน พร้อมๆกัน ใน MYSQL by

27
May
1

ปัญหา

ต้องการอัพเดต หลายๆแถวใน database ที่แต่ละแถวมีค่าต่างๆกันไป โดยใช้ Query เดียว

เพราะถ้าหากใช้แบบปกติ จะกินทรัพยากรสูงมากต่อการ update 1 ครั้ง

Flow control (IF/CASE) ใน Mysql by

30
Nov
0

Flow control ใน Mysql

อ้างอิงจาก http://dev.mysql.com/doc/refman/5.0/en/control-flow-functions.html

คืออะไร? ทำไมต้องใช้?

บางครั้งแม้มันจะง่ายและเร็วกว่า ที่จะทำส่วนคำนวณใน Php ก่อนแล้วค่อยมาทำ Query ใน Mysql แต่ในบางกรณีเล็กๆน้อย หรือบางครั้งที่ต้องการการ Customize โดยไม่ต้องเขียนโค้ดเพิ่ม การเขียน IF/Case เข้าไปใน Mysql ก็สร้างความสะดวกได้มาก

SQL – Query เพื่อทำการจัด Rank ของข้อมูล by

20
Jul
0

จาก http://www.1keydata.com/sql/sql-rank.html

Table Total_Sales

Name Sales
John 10
Jennifer 15
Stella 20
Sophia 40
Greg 50
Jeff 20

Query
SELECT a1.Name, a1.Sales, COUNT(a2.sales) Sales_Rank
FROM Total_Sales a1, Total_Sales a2
WHERE a1.Sales <= a2.Sales or (a1.Sales=a2.Sales and a1.Name = a2.Name)
GROUP BY a1.Name, a1.Sales
ORDER BY a1.Sales DESC, a1.Name DESC;

Result:

Name Sales Sales_Rank
Greg 50 1
Sophia 40 2
Stella 20 3
Jeff 20 3
Jennifer 15 5
John 10 6

ถ้าอยากให้เรียงลำดับโดยไม่มีข้ามให้แก้เป็น

Query
SELECT a1.Name, a1.Sales, COUNT(a2.sales) Sales_Rank
FROM Total_Sales a1, Total_Sales a2
WHERE a1.Sales < a2.Sales or (a1.Sales=a2.Sales and a1.Name >= a2.Name)
GROUP BY a1.Name, a1.Sales
ORDER BY a1.Sales DESC, a1.Name ASC;

 เราชนะรอบ 4 | ยืมเงิน 3000 ด่วน | แอพกู้เงิน | แอพเงินด่วน | สินเชื่อออนไลน์อนุมัติทันที | Site Map | กู้เงินก้อน | กระเป๋าตัง | thisshop และ ยืมเงินฉุกเฉิน 5000 ด่วน