วิธีสร้างกราฟ Histogram ด้วย excel 2010 by

28
Jul
3

เนื่องด้วยลูกค้าของผมต้องการข้อมูลสถิติการใช้งานเป็น Histogram (ความถี่ของคะแนนที่ผู้เล่นเกมเล่นได้ จัดเป็นกลุ่มๆ) เป็นกราฟสวยงาม เลยต้องจัดให้ซะ

excel1

1. ขั้นแรกต้องติดตั้ง Add-In ซะก่อน เข้าไปที่ File->Options->Add-Ins เลือก Analysis ToolPak จากหัวข้อ Inactive Application Add-ins (ถ้ามันอยู่ใต้หัวข้อ Active Application Add-ins แสดงว่าเคยติดตั้งไปแล้ว) แล้วกด OK

2. เตรียมข้อมูลที่ต้องการสร้างกราฟ Raw Data คือข้อมูลที่ต้องการแปลง ส่วน Bin Range คือระยะความห่างของข้อมูล จากรูปด้านบนคือเป็นช่วง 1-5,6-10,11-15 ไล่ไปเรื่อยๆ

3. เลือก Tab Data

4. เลือก Data Analysis

5. เลือก Histogram

6. เลือก Input Range (ในที่นี้คือ Raw Data ของผม) โดยถ้าเลือกรวมแถบ Label ไปด้วย (Label ผมชื่อ Raw Data ที่เป็นข้อมูล row แรกนั่นแหละ) ให้ติ๊กถูกที่ช่อง Labels ด้วย ส่วน Bin Range คือช่วงของข้อมูลตามที่กล่าวไปข้อ 5 ส่วน Output Option เลือกเป็น New Worksheet Ply และกรอกชื่อ Worksheet ที่ต้องการให้แสดงผลลัพธ์(ควรเป็นชื่อที่ยังไม่เคยสร้างมาก่อน) และเนื่องจากเราต้องการผลลัพธ์เป็นกราฟเลยก็ให้ติ๊ก Chart Output ด้วย (หากต้องการแค่สรุปรวมข้อมูลความถี่แต่ละช่วงเฉยๆ ก็ไม่ต้องติ๊กครับ)

7. จากภาพก็จะเห็นได้ว่า ช่วงคะแนน 1-5 มีอยู่ 6 คน ช่วงคะแนน 6-10 มีอยู่ 2 คน ถูกต้องตามชุดข้อมูลที่เป็นข้อมูลต้นทางครับ อันนี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น ข้อมูลเลยน้อย จริงๆ ข้อมูลผมมีเป็นพันๆ row เลยต้องใช้วิธีนี้ช่วยนี่แหละครับ เราจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกราฟทั้้งรูป และตารางข้อมูลดังภาพเลยครับ :)

Facebook Query Language (FQL) by

31
May
0

Facebook Query Language หรือ FQL เป็นภาษา query ที่ใช้ในการคัดกรองข้อมูลหรือดึงข้อมูลที่เราต้องการจาก Facebook โดยตรง ซึ่งการเขียนจะมีลักษณะคล้ายกับภาษา SQL นั่นคือมีรูปแบบเป็น

SELECT (field) FROM (table) WHERE (condition)

และเราสามารถใช้ operator AND, OR, NOT ได้อีกด้วย แต่สิ่งที่ FQL แตกต่างจาก SQL ก็คือ FQL จะไม่อนุญาตให้เราทำการ join table กันได้ ซึ่งถ้าเราต้องการจะใช้ข้อมูลที่มากกว่า 1 ตาราง เราจะใช้ IN เพื่อทำการเชื่อมข้อมูลระหว่างตาราง และ ระหว่าง 2 ตารางที่จะเชื่อมข้อมูลกัน จะต้องมี field ที่เก็บข้อมูลเหมือนกันอยู่ ซึ่งจะเรียก field นี้ว่าเป็น indexable

หลายคนที่อาจจะใช้ Graph API อาจจะสงสัยว่าในเมื่อเรามี Graph API อยู่แล้ว ซึ่งก็สามารถใช้ในการดึงข้อมูลมาใช้ได้เหมือนกัน แล้วทำไมต้องใช้ FQL อีก นั้นก็เป็นเพราะว่า Graph API ไม่สามารถที่จะดึงข้อมูลเป็นชุดๆได้ เช่นหากเราต้องข้อมูลเป็น username, user_id, gender และ birthday ของเพื่อน ถ้าเราใช้ Graph API เราจำเป็นต้องได้รายชื่อเพื่อนทั้งหมดของเรามาก่อน หลังจากนั้นก็จะได้ user_id กับ username มา แล้วจึงใช้ข้อมูลที่ได้มาไปหาข้อมูล gender และ birthday ของเพื่อนอีกที ซึ่งจะเห็นว่าต้องทำหลายขั้นตอนมาก แต่ถ้าเราใช้ FQL สามารถทำได้โดยเขียนภาษา query ตามนี้

SELECT username, uid, sex, birthday FROM user WHERE uid IN (SELECT uid2 FROM friend WHERE uid1 = me())

มาถึงตรงจุดนี้ อาจมีหลายคนสงสัยว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าฐานข้อมูลมีตารางอะไรบ้าง และแต่ละตารางมี field อะไรให้ใช้บ้าง เราสามารถเข้าไปดูได้อ่าน Document และ Reference ได้ที่ https://developers.facebook.com/docs/reference/fql/ ซึ่งลิ้งค์นี้จะบอกข้อมูลเกี่ยวกับตารางและ field เอาไว้ชัดเจน ว่าทาง facebook อนุญาตให้เราสามารถใช้ข้อมูลส่วนไหนได้บ้าง และทาง Facebook ยังมี tool ที่เอาไว้ให้เราใช้ทดสอบ query ที่เราเขียนขึ้นมาได้อีกด้วย ผ่านทาง Graph API Explorer https://developers.facebook.com/tools/explorer?method=GET&path=100001055377057 ซึ่งเมื่อกดลิ้งค์เข้ามาแล้วจะเจอเพจหน้าตาแบบนี้ครับ

fql_tutorial2

หลังจากนั้นตรงที่เป็นลิ้งค์ https://graph.facebook.com/ ให้พิมพ์เพิ่มหลังเครื่องหมาย “/” ไปว่า “fql?q=” แล้วตามด้วย query ที่เราเขียนขึ้นมา
แล้วกด submit เราก็จะได้ผลลัพธ์จากการ query แสดงผลที่ด้านล่างนั้นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น การที่เราจะดึงข้อมูลต่างๆจากตารางมาได้ เราจำเป็นต้องทำการขอ Permissions ต่างๆด้วย ซึ่งข้อมูลในแต่ละ Field จะมีการระบุเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องมีการใช้ Permissions ใดบ้าง ดังนั้น ถ้าคิดว่าเขียน query ได้ถูกต้องแน่นอนแล้ว แต่ว่าผลลัพธ์ไม่ขึ้น ให้ลองตรวจสอบดูดีๆนะครับ ว่าได้ทำการขอ permissions ไปหรือเปล่า

หมดเพียงเท่านี้แล้วครับ เรื่องของ Facebook Query Language สำหรับคนที่เคยเขียน SQL มาแล้ว น่าจะฝึกฝนได้ไม่ยากนะครับ ส่วนคนที่ไม่เคยเขียน SQL มาก่อนก็ไม่ต้องน้อยใจไปครับ ของแบบนี้ต้องค่อยๆศึกษาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวเราก็เขียนได้ครับ ^^

เมื่อ Facebook กำลังจะครองอินเตอร์เนตแทนที่ Google by

1
May
5

กระแสของโลก Social Network บูมขึ้นเรื่อยๆ และ Facebook เองก็เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้ แต่เดิมนั้นโลกของ Social Network จะถูกจำกัดอยู่แต่ภายในเว็บไซต์ของตัวเองเท่านั้น จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้ว Facebook ได้เปิดตัว Facebook Connect เข้ามา ทำให้ Facebook เริ่มแผ่ขยายอาณาจักรออกสู่เว็บไซต์อื่นมากขึ้น เว็บใดก็สามารถนำ login ของ Facebook ไปติดที่เว็บไซต์เพื่อใช้ widget เล็กๆ น้อยๆ เช่น กล่อง comment และรายชื่อเพื่อนของตนได้ รวมไปถีงปุ่ม Share ซึ่งนับจำนวนผู้แชร์ได้ (แข่งกับ Digg) ซึ่งส่วนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือระบบ Login ซึ่งสามารถ login ได้ในคลิกเดียว ง่ายกว่า OpenID ซึ่งเป็นระบบ Login ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจะใช้เป็นมาตรฐานการ Login ทั่วอินเตอร์เน็ตมากมายหลายเท่าตัว และระบบ Login นี้เองก็ได้เข้าเป็นหนึ่งในมาตรฐานที่เว็บไซต์ข่าวและ Blog ต่างๆ ต้องมี

 เราชนะรอบ 4 | ยืมเงิน 3000 ด่วน | แอพกู้เงิน | แอพเงินด่วน | สินเชื่อออนไลน์อนุมัติทันที | Site Map | กู้เงินก้อน | กระเป๋าตัง | thisshop และ ยืมเงินฉุกเฉิน 5000 ด่วน